Cat Radio โตโต แมวแมว ขอเพลงได้ที่ 02-530-9611

แมวค้นฅนชวนอ่าน หลังค้น อ๊อฟ Rats

เรื่องราวจากการค้น อ๊อฟ - อนุชา โอเจริญ
หนึ่งในคนเบื้องหลัง Rats Records 
เรียบเรียงจากรายการแมวค้นฅน 12 เมษายน 2561 ที่ Cat Radio 
สัมภาษณ์โดยดีเจเปิ้ลหน่อย วรัษฐา พงษ์ธนานิกร 
ฟังคลิปเสียงฉบับเต็มได้ที่ แมวค้นฅน - อ๊อฟ Rats Records 
------------------------------------
 
จุดเริ่มต้น Rats Records
ขอต้อนรับคุณผู้ฟังเข้าสู่รายการแมวค้นฅนค่ะ เจอกันวันพฤหัสบดีทุกๆ สัปดาห์ สามทุ่มถึงสี่ทุ่ม วันนี้แขกรับเชิญของเราเป็นผู้ก่อตั้ง Rats Records ค่ายเพลงไทย ซาวด์อินเตอร์ และผู้อยู่เบื้องหลังศิลปินอีกมากมาย งานเขาเยอะมาก วันนี้เราจะไปค้นคุณอ๊อฟ อนุชา โอเจริญกัน 
     สวัสดีครับผม
เรารู้จักอ๊อฟครั้งแรกกับ Dot ก่อน แล้วก็ Rats Records เป็นไง มาไงคะค่ายนี้ 
     ค่ายนี้ตั้งมาตอนปี 2013 มั้ง เหมือนตอนนั้นทำวงดอทกับเพื่อนๆ สนุกๆ ไปเล่นปาร์ตี้กลางคืน  แล้วก็หยุดไป มารับจ๊อบเพลงโฆษณา  พอทำมาสักพักก็เบื่อ เลยคิดสนุก ทำค่ายเพลงค่ายเล็กๆ ที่มีเพลงดีๆ ที่เราอยากทำ โดยไม่ต้องอิงไปทางคอมเมอร์เชียลมาก 
ที่มาของชื่อ Rats 
     ตอนนั้นผมดูรายการช่องสารคดี แล้วมีคนชอบขับรถที่เป็นสนิม ผมรู้สึกว่าก็ดีนี่หว่า ดูไม่สมบูรณ์ แต่ก็สวยแบบของมัน ผมเลยงั้นใช้ชื่อนี้ดีกว่า ประกอบกับผมรู้สึกว่าหนูเป็นเหมือนสัตว์ทดลอง เวลานักวิทยาศาสตร์จะไปต่างดาว จะฉีดยาหรืออะไรก็จะฉีดให้หนูก่อนมนุษย์ ผมก็เลยเปรียบเทียบศิลปินในค่ายว่าเป็นหนู เราก็เหมือนจับเขามาทดลอง 
วงแรกของค่ายที่เราทดลองด้วย 
     Part Time Musicians ครับ ตอนนั้นมีเว็บชื่อว่า Southeast Asia Indie Music เขาเอาเพลงผมไปลงในนั้น แล้วผมก็คลิกไปฟัง แล้วดูว่ามีใครบ้างนอกจากนี้ มีหลายประเทศ ก็คลิกไปเจอวงที่ชื่อ Part Time Musicians ซึ่งทำเพลงสากลเหมือนกัน ผมก็เลย เฮ้ย คนไทยนี่หว่า ก็เลยคลิกเข้าไปคุย ได้รู้จักกับนักร้องนำเขาคือนิค (ธาฤทธิ์ เจียรกุล) ที่ตอนนี้เป็นวง temp. แล้วครับ   ชวนเขาว่ามาทำค่ายกันไหม แต่นายก็มาในนามวง Part Time Musicians นั่นแหละ ตอนนั้นยังเป็นนิคกับจิน (วรเมธ มตุธรรมธาดา) มือกีตาร์สองคน แล้วผมก็บอกว่าลองไปแต่งเดโม่มา เขาก็หายไปประมาณ 2 เดือนมั้ง กลับมาเป็นเพลงแรก  ‘Vacation Time’ คือเพลงแรกเลยของค่าย
 
คลิกฟังเพลง Vacation Time - Part Time Musicians 
 

Rats Today 
หน้าที่ของอ๊อฟใน Rats มีอะไรบ้างครับ 
     ตอนนี้หลายอย่างมากครับ เพราะว่าคนที่ก่อตั้งมาด้วยกัน ส่วนใหญ่เขาอยู่ต่างประเทศ หรือไปทำงานหลายๆ อย่างแล้ว แต่ว่าก็มีรุ่นน้องมาช่วย หน้าที่หลักๆ ผมก็คือโปรดิวเซอร์ครับ ช่วยเรียบเรียงเพลง
ตอนนี้ศิลปินใน Rats มีใครบ้าง 
     อย่าง Part Time Musicians นี่พักไปแล้ว เพราะเขาไปเรียนบ้าง ทำงานต่างประเทศบ้าง ที่เหลือมี Phum Viphurit (ภูมิ วิภูริศ) กับ Henri Dunant (อังรี ดูนังต์) เป็นโปรเจ็กต์เพลงสากลของแม็กซ์ เจนมานะกับเพื่อนครับ 
เจอสองวงนี้ได้อย่างไร  
     ภูมินี่ผมเจอ เพราะเติ้ล (ปฏิภาณ สุวรรณสิงห์) นักร้องนำ The Whitest Crow แนะนำให้ดูคลิปที่เขาคัฟเวอร์ ว่านี่รุ่นน้องที่มหาวิทยาลัยมหิดล เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ ร้องเพลงเพราะมากเลย ผมก็เข้าไปดู เลยชวนมาคุย แล้วก็ทำงานด้วยกัน 
     ส่วนแม็กซ์ เจนมานะนี่ผมรู้จักนานแล้ว ตอนที่เขาประกวด The Voice เสร็จใหม่ๆ เขาก็เหมือนหาคนช่วยดูนู่นนี่ ก็คุยกันมาสักพัก แล้วกลับมาเจอกันอีกรอบหนึ่ง 
 
Rats International 
Rats เป็นค่ายเพลงไทยเล็กๆ ที่ซาวด์สากลมาก จากประสบการณ์ ทำงานแบบนี้ยากง่ายอย่างไรคะ
     ก็ยากนะครับ แต่ผมว่าเดี๋ยวนี้อุปกรณ์ค่อนข้างเข้าถึงหมดแล้ว เพลงเมืองนอกกับบ้านเราอุปกรณ์ใกล้เคียงกัน ผมว่าอยู่ที่ไอเดียอย่างเดียว  มีซอฟต์แวร์ มีคอมพิวเตอร์ มีอะไรที่ไม่ต้องซื้อแพงๆ มากๆ แล้ว
ยุคก่อนต้องเข้าห้องอัดจริงจัง ต้องมีเครื่องจริงๆ 
    ใช่ มีเครื่องอัดเป็นหลักหลายล้าน สมัยนี้มีตังค์ 3-4 หมื่นก็ทำเพลงได้แล้วครับ 
เรามีมาตรฐานของการทำเพลงอย่างไรบ้างคะ 
ส่วนใหญ่ก็ไม่ได้มีอะไรมากมาย แค่ทำเพลงที่เราชอบ แล้วก็ทำให้ออกมาแล้วดีๆ หน่อย ตั้งใจหน่อย 
ศิลปินที่มาทำงาน เขาจะมีภาพในหัวเขาไหมคะ ว่าอยากได้ประมาณนี้ๆ
     แล้วแต่คนเลยครับ อย่างภูมินี่เขาฟังหลายแบบมาก บางทีฟังเร็กเก้ บางทีฟังฮิปฮอป เขาก็เลยเหมือนกับว่าผสมกัน ทุกวันนี้ผมยังไม่รู้เลยเพลงภูมิเป็นแนวอะไร (หัวเราะ) 
เป็นเขามากๆ เลยเนาะ 
     ใช่ แต่ว่าอย่างอังรี ดูนังต์ แม็กซ์เขาชอบโฟล์ก หมือนอัลบั้มเดี่ยวเขาครับ แต่ว่าอีกนัยหนึ่งเขาชอบเพลงอัลเทอร์เนทีฟ ผสมอิเล็กทรอนิกส์ แล้วมาจับคู่กับไบร์ท ที่จบซาวด์ดีไซน์ โดยเฉพาะ พอมารวมตัวกันก็เป็นกึ่งซาวด์ ดีไซน์  
อัพเดทผลงานของสังกัด Rats ให้หน่อยได้ไหมคะตอนนี้
     ตอนนี้ก็เพิ่งออกไป เพลงของภูมิ วิภูริศ ‘Lover Boy’ ซิงเกิลแรกของอัลบั้มที่สอง แล้วก็อังรีดูนังต์ เพลงใหม่

คลิกฟังเพลง  Lover Boy – Phum Viphurit และ 52Hz – Henri Dunant 
 

อนุชา โอเจริญ 
เคยเห็นในยูทูปของ Rats จะมีวงเล็บต่อท้ายชื่ออนุชา โอเจริญว่า (Rat Terrier) แปลว่าอะไรอะ 
     ที่มาของชื่อนี้คือ  Rat Terrier เป็นหมาพันธุ์หนึ่งที่ล่าหนู พันธุ์Terrier (หัวเราะ)
     ตอนนั้นผมทำทีมกับรุ่นน้องคนหนึ่ง ชื่อแป๊ก (รัชชา วัฒนจิตรานนท์)มาช่วยตีกลองให้ Part Time Musicians จริงๆ อยู่วง Electric. Neon. Lamp. เขามาช่วยผมดูเพลง ดูอะไรหลายๆ อย่าง มีบางเพลงที่ต้องช่วยในการมิกซ์ หรือมาสเตอริ่งให้กับพาร์ตไทม์ฯ ด้วย แล้วก็โปรเจกต์ของศิลปินอื่นนอกขาง ที่เขามาให้ช่วยทำให้ ผมก็จะใช้ชื่อนี้ก่อน แต่เดี๋ยวนี้แป๊กเขาไม่ว่าง เร่งทำอัลบั้ม ผมก็เลยใช้เป็นชื่อจริงแล้ว 
ชื่ออนุชา โอเจริญ ในเครดิต นอกจาก Mix/Mastering, Recording Engineer ยังมี Video Director ด้วย 
     วิดีโอนี่ทำสนุกๆ คือตอนนี้ผมเปิดออฟฟิศอยู่กับคุณรัฐ (รัฐ พิฆาตไพรี) Tattoo colour แล้วก็ บิว (รังสรรค์ ปัญญาใจ)  Lemon Soup เป็นออฟฟิศเกี่ยวกับโปรดักชั่นเพลงนี่แหละ แล้วผมเรียนจบนิเทศศิลป์มา เกี่ยวกับด้านวิดีโอ ก็เลยรับทำวิดีโอไปด้วย ใครมีงบในราคาที่ไม่ถึงจ้างผู้กำกับใหญ่ ผมก็มีทีมทำวิดีโอ ซึ่งมีรุ่นน้องมาช่วยกัน 
เน้นงบน้อยอย่างนี้เหรอ (หัวเราะ)
     คงประมาณนั้น จริงๆ ก็อยากทำงานใหญ่ แต่ว่าส่วนใหญ่คนที่มา จะบอกว่า “พี่ ผมมีงบแค่นี้ไหวปะ ก็เลยเหมือนทำสนุกๆ  เหมือนเป็นช่วงพักจากเพลง ทำเป็นงานอดิเรก  
     เหมือนกองโจรเล็กๆ อย่างตอนเพลง  ‘ไวน์’ กับ ‘วันหนึ่งฉันเดินเข้าป่า’ ของแม็กซ์ เจนมานะ เขาก็มาบอกผมว่าถ่ายง่ายๆ แล้วกัน เหมือนเป็นเล่นสด ผมก็ไปช่วยถ่ายให้ เป็นเอ็มวีที่ใช้อยู่ทุกวันนี้ เป็นสีเขียวกับสีแดง 
แล้วอยากให้งานพาร์ตวิดีโอของเราไปถึงไหน
     พาร์ตนี้คงไม่ได้จริงจังขนาดนั้น เหมือนงานอดิเรกมากกว่า ตอนนี้มีคนมาทำกับผม เป็นรุ่นน้องคนหนึ่งเขาจบฟิล์มมาจากนิวยอร์ก แต่ยังไม่ค่อยรู้จักใคร เขาก็มาบอกผม พี่ ผมอยากมีพอร์ทเยอะๆ ผมก็ดึงเขามาช่วย
งานดีแน่นอน งั้นติดต่อเลยค่ะ (หัวเราะ)  แล้วก็ยังมีอีกพาร์ตหนึ่งที่เราเห็นในเครดิตชื่อของ อนุชา โอเจริญ คือ Dance Director 
     (หัวเราะ) อันนี้ตลกมาก คือ เอ็มวีของภูมิ วิภูริศ ตัวที่มีน้องคนหนึ่งตัวเล็กๆ เต้น ชื่อเพลง ‘Long Gone’ ภูมิเขาบอกว่าอยากกำกับเองสนุกๆ ผมก็คุยกับภูมิสักพักว่าเอ็มวีนี้จะเป็นไง ภูมิบอกไม่มีอะไร อยากให้คนเดียวมาเต้นทั้งเพลง ผมก็เลย โอเค งั้นเดี๋ยวผมไปช่วยบิวด์ให้คนเต้น ก็เลยต้องเต้นให้เขาดูก่อน (หัวเราะ) ให้เขาเต้นตาม
นี่จบการแสดง จบการเต้นมาจากที่สถาบันไหนคะ 
     ไม่มีเลยครับ ถ้าสังเกตเอ็มวี จะเต้นอยู่ท่าเดียว ซ้ำๆ วนๆ 
ย้อนกลับไปนิดหนึ่งค่ะ เราเรียนแล้วก็สั่งสมประสบการณ์ด้านมิวสิก โปรดักชั่น มาจากไหนบ้าง 
     จริงๆ ผมไม่ได้จบเพลงเลย ผมจบออกแบบนิเทศศิลป์ ศิลปกรรม ม. กรุงเทพ แต่ผมดันชอบดูเอ็มวีมาตั้งนานแล้ว สมัยก่อนก็จะมีเอ็มวีดีๆ ของเมืองนอก ที่เรารู้สึกว่าเจ๋งดีว่ะ ผมชอบศิลปะด้วยแหละ ชอบเอ็มวีที่ไปทางศิลปะมากกว่าที่จะเป็นหนัง บางทีเป็นแค่โมชั่นเคลื่อนไหวหรือเป็นอะไรที่สวยๆ ผมก็ชอบแล้ว เพราะผมรู้สึกว่าถ้าจะดูพลอตเรื่องเยอะๆ ก็ไปดูหนัง งานจบทีสิสปี 4 ผมก็ทำเป็นเอ็มวี ทำเพลงประกอบใส่ไปเอง ตอนนั้นเป็นการทดลองเริ่มหัดใช้อุปกรณ์ โปรแกรมง่ายๆ ในการทำเพลงใส่ลงไป ก็ยังทำไม่ค่อยเป็นครับ คือ มีไอเดียทำวีดิโอแล้ว แต่ไม่มีเพลง งั้นก็ลองทำเพลงใส่ไปเลย 
โห นี่เรียกว่างานที่มหาลัยให้มาไม่เยอะพอ ไม่เพียงพอ
     จากนั้นมาผมก็เริ่มชอบ พอทำเพลงก็สนุกดี ก็เลยเริ่มศึกษาจริงจัง ตอนนั้นก็มียุค My Space (เว็บไซต์ที่นักดนตรีและนักฟังนิยมเผยแพร่ผลงานและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน ยุค 2000) เริ่มรู้จักพี่เจอรี่ Gramaphone Children พี่ต้าร์ Cyndi Seui สองคนนี้เขาเก่งทางด้าน Computer music ผมก็เลยขอดูวิชาเขา มีหลายๆ วงที่มาจากยุคนั้นนะ 
เราอยากได้ยินเพลงที่เราชอบ เราทำค่ายขึ้นมาแล้ว มีศิลปินคนอื่นมาทำเพลงด้วยแล้ว เราไม่อยากทำวงของเราเองอีกบ้างเหรอ 
     มีที่คุยๆ กับบิวครับ แต่เขาเริ่มมีงานหนัก งานประจำเรื่อยๆ





วงดนตรียุคปัจจุบัน 
คิดว่าการตั้งวงยากง่าย อย่างไรบ้างคะ ในยุคปัจจุบัน
     ผมว่าในยุคปัจจุบันง่ายขึ้นนะ สมัยก่อน บางวงตั้งวงขึ้นมา ซ้อมกันอย่างหนักเลย แต่ยุคสมัยนี้มี Computer Music บางคนก็นั่งแต่งเพลงอยู่หน้าคอม บางทีมือกลองก็นั่งทำโปรแกรมอยู่หน้าคอม เออ… เราจะตีแบบนี้แหละ เพลงเสร็จแล้วค่อยไปซ้อมยังมีเลย คือยังไม่เคยเล่นมาก่อน บางคนทำอะไรไปแต่เล่นไม่ได้ (หัวเราะ) 
เนื่องด้วย Rats Records ทำเพลงภาษาอังกฤษหมดเลย เกือบหมด ตั้งใจขายใครคะ
     ตอนนี้แฟนเพลงค่อยๆ มาเรื่อยๆ ครับ แรกๆ ก็คนไทย อย่างแคท เรดิโอ วัยรุ่นฟังกัน แต่ตอนนี้เพลงเริ่มไปเมืองนอกแล้ว เริ่มมีวิทยุที่ญี่ปุ่น อเมริกามาขอเพลงไปเปิด
ตอนแรกเราคิดถึงขั้นนั้นไหมคะ ทำไมถึงอยากทำเพลงภาษาอังกฤษ 
     ไม่ได้คิดแต่ว่าแอบหวังเล็กๆ (หัวเราะ) ว่าวันหนึ่งอาจจะไปให้ได้นะ มีความหวังไว้ว่าสักวันหนึ่งอยากให้เพลงบ้านเราไปอยู่เวทีโลก ไปอยู่ในยุโรป อเมริกา
แต่ ณ วันแรกที่เราบอกว่า ค่ายเราจะทำเพลงภาษาอังกฤษ คนอื่นเขาจะนอยด์นะ ขายได้ยาก คนเข้าถึงยาก เพราะว่าเราก็อยู่ที่ประเทศไทย คนฟังกลุ่มใหญ่เป็นคนไทย
     ตอนนั้นผมไม่ได้คิดถึงเรื่องเงินเลยครับ เพราะว่าครึ่งหนึ่งผมทำเพลงโฆษณาอยู่แล้ว อีกครึ่งหนึ่งผมก็อยากลองเป็นภาษาสากลดู ความตั้งใจแรกเริ่ม เพราะเราก็ฟังเพลงสากลเยอะนี่นา พ่อเราก็ฟัง The Beatles, Bee Gees แล้วทำไมเราไม่มีเพลงสากล ซึ่งเป็นภาษาที่คนใช้ทั่วโลกด้วย  ก็เลย
จากวันนั้นถึงตอนนี้ล่ะคะ จะทำอย่างไรต่อ   
     น่าจะเป็นภาษาอังกฤษต่อไปเรื่อยๆ 
แล้วอย่างนี้ในความรู้สึกของอ๊อฟ เพลงสากลกับเพลงไทย เสน่ห์ต่างกันไหมคะ 
     ผมว่าก็ต่างนะ อย่างเพลงภาษาไทยก็ยากนะครับ เพราะว่าอย่างเช่นดนตรีที่เป็นสตริงที่เราเรียกกันทุกวันนี้ก็คือดนตรีสากลนะครับ แต่แค่เป็นเนื้อไทย ซึ่งมีความยากกว่าตรงที่มีวรรณยุกต์ไม้เอก โท ตรี เมโลดี้เลยค่อนข้างจะขึ้นลงมากกว่าเพลงภาษาอังกฤษ แต่เสน่ห์ของเพลงภาษาอังกฤษคือแต่งแล้วเมโลดี้เพราะ เข้ากับเพลงกว่าแต่อย่างของไทยต้องบิดวรรณยุกต์ ก็เลยต้องมานั่งดัดกันไป แต่คนที่ทำเมโลดี้เพลงไทยได้สวยๆ ก็เยอะแยะ 
 
อ๊อฟนอก Rats 
ตอนนี้อ๊อฟทำอะไรอยู่บ้าง นอกเหนือจากค่ายเพลง Rats Records
     ตอนนี้เปิดบริษัทกับเพื่อนชื่อว่า Welfare 6 (เวลแฟร์ ซิก) กับคุณรัฐ Tattoo Colour บิว Lemon Soup รับแต่งเพลงทุกอย่าง ทุกชนิด (หัวเราะ)  ผมใช้คำว่า “สถานดนตรีครบวงจร” เพราะนึกถึงยุคคาเฟ่ งานก็รับแต่งเพลงองค์กร เกี่ยวกับเพลงทำหมดเลยครับ แต่งเนื้อร้อง ทำนอง หรือว่าใครจะมาแต่งเนื้อร้องอย่างเดียวก็ได้ 
ทำเพลงโฆษณาด้วย ทำเพลงภาพยนตร์ด้วยใช่ไหมคะ 
     ทำหมดเลยครับ ภาพยนตร์ รับอัด Annoucer อัดบทพูด บทหนัง ทำทุกอย่าง
ชอบงานแบบไหนมากที่สุด 
     ชอบแต่งเพลงให้ศิลปิน ผมรู้สึกสนุกสุด เพราะว่าเป็นเพลงที่ไม่ได้อิงกับคอมเมอร์เชียล อาจจะมีบ้างแหละ เพลงเขาต้องขาย แต่ผมว่าท้าทายดีตอนช่วยกันแต่งให้ศิลปินคนนี้ อาจจะมีศิลปินจากค่ายใหญ่ๆ มาให้ช่วยทำเพลงหนึ่ง แล้วพอเห็นเพลงประสบความสำเร็จ ผมรู้สึกตื่นเต้น ดีใจ 
ยากง่ายต่างกันอย่างไรคะ 
     ผมว่าความยากอยู่ที่โจทย์ของศิลปิน โจทย์ที่ผมคิดว่ายากที่สุดคือขอเพลงดัง (หัวเราะ) มาถึงแล้วบอกฉันขอเพลงดัง เพลงฮิต 
มีสูตรบอกได้ไหมคะว่าประมาณนี้น่าจะดัง
     ผมว่าอาจจะมีเค้าๆ ได้ว่าอย่างนี้น่าจะติดหู แต่ผมกับบิวกับรัฐก็คุยกันบ่อย การันตีไม่ได้นะว่าจะดังไม่ดัง ถ้าเกิดผมรู้ว่าเพลงไหนจะดังมาก ผมก็ทำแล้วให้เพื่อนร้องก็ได้ ทำขายไปแล้ว (หัวเราะ)
เบื้องหลังงานดนตรีที่เราทำมาค่อนข้างเยอะ คิดว่าอะไรสำคัญที่สุดในการทำเพลงสักเพลงคะ
     ผมรู้สึกว่าต้องฝึกฝน ส่วนตัวผมเจอเด็กที่จบดนตรีมาใหม่ๆ มาเยอะ ผมไม่ได้ว่านะ แต่เจอเยอะมาก คนที่สมาธิสั้น ทำอะไรนานๆ ไม่ได้ ฝึกซ้อมน้อย แล้วเขาใจร้อน เหมือนฉันทำเพลงแรกไปแล้ว เฟลก็ไม่ทำอีกแล้ว แต่ผมกลับนึกว่าสมัยก่อนศิลปินวงหนึ่ง กว่าเขาจะทำเพลงได้เขาฝึกเป็น 10 ปีนะ บางทีเขาทำอัลบั้มแรก 5-6 ปี กว่าจะได้ออก แต่นี่คุณทำ แป๊บเดียว เพลงสองเพลงยอมแพ้แล้ว เลิกแล้ว ผมเลยรู้สึกว่าเด็กสมัยนี้ไม่ใช่ไม่เก่งนะ แต่หลายคนสมาธิสั้นไปหน่อย ฝึกฝนน้อยแล้วก็อยากจะมีผลงานเร็วๆ อยากไปเล่นโชว์ทั้งที่แต่งเพลงยังไม่ครบเลย 
เพราะทุกอย่างเร็วขึ้นไหม กระบวนการของการผลิตสั้น แป๊บเดียวก็เสร็จแล้ว  
     ใช่ ผมว่าชีวิตประจำวันเขาด้วย การเล่นเน็ตของเขา สมัยก่อนจำได้ว่าผมต่อเน็ต รอลุ้นแบบ โอ๊ย จะติดไหม (หัวเราะ) 
     ยุคเชื่องช้า เวลานัดเพื่อนสมัยก่อน เจอกันที่ป้ายรถเมล์ 11 โมง ทุกคนตรงเวลาเป๊ะ แต่เดี๋ยวนี้ทุกคนมีมือถือนะ มาสายทุกคนเลย (หัวเราะ) เดี๋ยวนี้เพื่อนส่งข้อความมาให้วันเดียวในไลน์ แค่ไม่อ่านครึ่งวันก็โทรมาด่าผมแล้ว ทำไมไม่อ่าน ผมบอกรอก่อนดิ ใจเย็นๆ สมัยก่อนเขียนจดหมายรอกันเป็นเดือนเลย 
 
แนวคิดการใช้ชีวิต
แนวคิดการใช้ชีวิตแบบอ๊อฟเป็นอย่างไร   
     จริงๆ ผมไม่ค่อยมี แต่ผมคิดว่าเวลาผมทำอะไรแล้วเหมือนประสบความสำเร็จ จะเล็กหรือจะใหญ่ ผมก็จะคิดว่าก้าวแรกมาแล้ว แค่นั้นเอง ต่อให้ประสบความสำเร็จแล้วผมก็จะคิดว่าอันนี้ก้าวแรก เดี๋ยวก็ต้องมีก้าวต่อไปอีก ก็เลยไม่ค่อยได้ยึดติดกับสิ่งที่เราคิดว่าสำเร็จมากนัก เพราะผมคิดว่าต้องสำเร็จกว่านี้ได้อีก
แล้วเรามีเป้าบ้างไหมคะ
     เป้าหมายของค่าย ก็คืออยากเห็นศิลปินไทยไปอยู่ในเวทีเพลงโลกได้ ถึงจะไม่ต้องเป็นส่วนใหญ่แต่ก็เป็นส่วนหนึ่งในซีนของเขาได้ 
ตอนนี้ก็ไปแล้วนี่
     ก็แอบไปเบาๆ ครับ แต่ก็ยังไปได้อีก ผมยังอยากให้ไปได้กว่านี้ อยากเห็นน้องๆ ไปอยู่ในโคเชลล่า (Coachella)ในแกลสตัน เบอร์รี่ (Glastonbury)  
มีอะไรอยากบอกถึงวงการตอนนี้ของเราบ้างไหมคะ เกี่ยวกับเพลง
     ถ้าน้องคนไหนที่ชอบทำดนตรีก็ซ้อมครับ ฝึกซ้อมเยอะๆ แล้วก็ทำอะไรให้ตั้งใจ ทุกคนถ้าซ้อมเยอะๆ ตั้งใจจริงๆ ก็เก่งทุกคน ผมไม่เชื่อนะที่คนบอกว่าคนนี้เกิดมาเพื่อเก่ง ผมว่าเขาซ้อมเยอะเขาเลยเก่ง ผมไม่เชื่อว่าคนนี้เกิดมาเพื่อสิ่งนี้เลย ผมเชื่อคนที่ฝึกซ้อมฝึกฝนมากกว่า
ฝึกซ้อมแล้วก็ลองส่งไปที่ Rats ดูนะคะ (O,O)
--------------------------
 
ติดตามค้นเรื่องราวของฅนหลากหลายอาชีพและมุมมองได้ในรายการแมวค้นฅน ทุกวันพฤหัสบดี 3- 4 ทุ่ม ที่ www.thisiscat.com, app: Cat Radio ,  fb/thisiscatradio

MUSIC SWEEP

02:00-09:00

Listen Live

Now Playing